การค้ามนุษย์และการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานได้พัฒนาไปเป็นอุตสาหกรรมผิดกฎหมายระดับภูมิภาคที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งขับเคลื่อนมากขึ้นจากความยากจน ความขัดแย้ง การพลัดถิ่น และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ซึ่งทำให้กลุ่มอาชญากรสามารถขยายปฏิบัติการของตนไปสู่พื้นที่ดิจิทัลได้
“ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติกำลังใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึง AI เพื่อล่อลวงผู้ที่กำลังหางานและกลุ่มเปราะบางเข้าสู่ศูนย์สแกมเมอร์ ที่ซึ่งพวกเขาถูกค้ามนุษย์และถูกบังคับให้ฉ้อโกงออนไลน์ โดยมุ่งเป้าไปยังผู้คนทั่วโลก” เดลฟีน ชานซ์ ผู้แทนภูมิภาค สำนักงาน UNODC ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าว “สิ่งที่เริ่มต้นจากงานในฝันในต่างประเทศ กลับกลายเป็นฝันร้ายของการค้ามนุษย์ทันที นี่คือการค้ามนุษย์เพื่อบังคับให้ก่ออาชญากรรม และกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก”
เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ UNODC ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรในพื้นที่เพื่อสร้างความตระหนัก เสริมความคุ้มครอง และสนับสนุนผู้รอดชีวิต หนึ่งในพันธมิตรสำคัญคือ องค์การยุติธรรมนานาชาติ (IJM) และมูลนิธิ Blue Dragon ซึ่งทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตให้ได้กลับบ้าน และฟื้นฟูศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขา
ในฐานะพันธมิตรของแคมเปญ #ติดกับดักอาชญากรรมหลอกลวง (#TrappedInScamCrime) ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา IJM นำความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองผู้รอดชีวิตมาช่วยออกแบบสื่อเพื่อสร้างความตระหนักรู้ระดับภูมิภาค โดยมุ่งเตือนผู้หางานเกี่ยวกับการรับสมัครงานปลอม พร้อมร่วมมือกับ UNODC เพื่อสร้างระบบตอบสนองที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทั้งในประเทศต้นทางและปลายทาง โดยผสานเรื่องเล่าของผู้รอดชีวิตเข้าไปในกระบวนการ
“ทั่วทั้งภูมิภาค ทีมของ IJM ทำงานกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ภาคประชาสังคม และสถานทูต เพื่อช่วยเหลือแรงงานที่หลบหนีหรือถูกปล่อยตัวจากศูนย์สแกมเมอร์ ช่วยให้มีการระบุเหยื่อจากการค้ามนุษย์ แทนที่จะถูกจัดประเภทผิดว่าเป็นอาชญากร โดย IJM ยังสนับสนุนการพาผู้รอดชีวิตกลับบ้าน ผ่านความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ และทำงานร่วมกับอัยการเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” แอนเดรย์ ซอว์เชนโก รองประธานภูมิภาคฝ่ายผลกระทบโครงการ เอเชียแปซิฟิก IJM กล่าว
“ในช่วงสองปีที่ผ่านมา IJM ได้ช่วยเหลือเหยื่อจากการบังคับทำงานสแกมเมอร์มามากกว่า 1,400 รายทั่วภูมิภาค และสนับสนุนกระบวนการทางกฎหมายที่นำไปสู่การตัดสินลงโทษ 15 คดี นอกเหนือจากการช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว IJM ยังทำงานร่วมกับผู้นำกลุ่มผู้รอดชีวิตในการจัดตั้งเครือข่ายระดับภูมิภาค เพื่อให้ผู้รอดชีวิตสามารถแบ่งปันประสบการณ์อย่างปลอดภัยและผลักดันการเรียกร้องซึ่งความยุติธรรมได้” เขากล่าวเพิ่มเติม
“ผมรอดมาได้ และวันนี้ผมได้พูด เพราะความเงียบคือการปกป้องผู้ค้ามนุษย์ แต่เรื่องราวของเราจะปกป้องผู้คนที่ยังเปราะบาง” อันเวีย (นามสมมติ) กล่าว สำหรับเขา ก่อนจะมาเป็นที่ปรึกษาให้ IJM เขาคือผู้รอดชีวิตซึ่งถูกค้ามนุษย์ผ่านเมียนมาไปยังดูไบ และสุดท้ายไปยังฟิลิปปินส์ และได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งประสบการณ์ของเขาช่วยให้สามารถเอาผิดเครือข่ายอาชญากรรม และชี้นำการปฏิรูปกลไกการคุ้มครองทั่วภูมิภาคที่ยึดผู้รอดชีวิตเป็นศูนย์กลาง
ผู้รอดชีวิตอีกคน กาเวช ถูกหลอกด้วยประกาศงานในประเทศไทยและถูกค้ามนุษย์ไปเมียนมา ถูกบังคับให้ทำงานวันละ 16 ชั่วโมงในสภาพไร้มนุษยธรรม หลังได้รับการช่วยเหลือและกลับไปหาครอบครัว เขาใช้ประสบการณ์ของตนเตือนผู้อื่น “ผมรอดมาได้” เขากล่าว “แต่ไม่ควรมีใครต้องผ่านสิ่งที่ผมเจอ”
“ด้วยความร่วมมือระหว่าง IJM และ UNODC เสียงเหล่านี้ได้ช่วยกำหนดทิศทางแคมเปญระดับภูมิภาคที่เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมลงมือกัน และเตือนภัยไปยังสาธารณะว่าการเข้าร่วมหรือเพิกเฉยต่อปฏิบัติการสแกม คือการส่งเสริมการแสวงหาประโยชน์และอาชญากรรม” อังเดรย์กล่าวสรุป
ในเวียดนาม มูลนิธิ Blue Dragon Children’s Foundation ให้การดูแลด้านจิตสังคมระยะยาวแก่ผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์ รวมถึงผู้ที่ถูกบังคับให้ก่ออาชญากรรมในศูนย์สแกมเมอร์ทั่วลุ่มน้ำโขง ตั้งแต่ปี 2022 งานของพวกเขามุ่งเน้นไปยังผู้ชายเวียดนามที่ถูกค้ามนุษย์ไปกัมพูชา ลาว และเมียนมา ถูกบังคับให้ทำงานสแกมเมอร์ออนไลน์ รวมถึงการพนัน และโรแมนซ์สแกม
“ข้อมูลของ Blue Dragon แสดงให้เห็นลักษณะของเหยื่อที่เปลี่ยนไป โดย 83% ของผู้รอดชีวิตชาวเวียดนามในคดีล่าสุดเป็นผู้ชาย และส่วนใหญ่มาจากชุมชนที่ยากจน” ดร. เคทลิน วินด์แฮม หัวหน้าฝ่ายวิจัยและการเรียนรู้ของ Blue Dragon กล่าว “ผู้เกือบทั้งหมดถูกชักชวนผ่านโซเชียลมีเดียหรือคนรู้จัก โดยพวกเขาสัญญาจะให้งานพื้นฐานรายได้ดี ซึ่งดูสมจริง ไม่ได้ดูดีเกินจริง”
แต่สิ่งที่ทำให้การแสวงหาประโยชน์นี้แตกต่าง คือความรุนแรงในระดับสุดโต่ง ผู้รอดชีวิตแทบทุกคนที่ได้รับการช่วยเหลือเผชิญการทรมานหรือการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง หลายคนกลับมาพร้อมบาดแผลทางกายและความบอบช้ำตลอดชีวิต บางคนมีหนี้จำนวนมากจากการไถ่ตัว ขณะที่บางคนปฏิเสธความช่วยเหลือเพราะรู้สึกผิดหรือถูกกดดันทางเศรษฐกิจ ทำให้ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกค้ามนุษย์ซ้ำ
“ผู้คุมตีผม อดอาหารผม และขังผมในห้องมืดเป็นเวลาสองสัปดาห์” เชียน (นามสมมติ) ชายหนุ่มที่ถูกค้ามนุษย์จากเวียดนามตอนเหนือไปเมียนมา กล่าว “ผมกลัวว่าจะไม่รอด” และต่อมา หลังได้รับการช่วยเหลือในปี 2024 Blue Dragon และเจ้าหน้าที่ได้ช่วยให้เขากลับไปหาครอบครัวและเริ่มต้นการเยียวยา
“เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้รอดชีวิตชาย Blue Dragon ได้เพิ่มนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาชาย รวมทั้งขยายที่พักปลอดภัย” ดร. วินด์แฮม กล่าวเพิ่มเติม
งานของพวกเขาสอดคล้องกับแนวทางของ UNODC ที่ตระหนักว่าลักษณะของเหยื่อที่หลากหลายนั้นต้องการระบบสนับสนุนที่ปรับตัวได้และเหมาะสมกับผู้รอดชีวิต ผ่านความร่วมมือระดับภูมิภาคและการขับเคลื่อนนโยบาย
ความร่วมมือของ UNODC กับ IJM และองค์กรในพื้นที่ เช่น Blue Dragon สะท้อนยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้นในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์เพื่อบังคับให้ก่ออาชญากรรม ผ่านความร่วมมือ ข้อมูล และการป้องกัน โดย UNODC นำเสนอการวิจัย การฝึกอบรม และเวทีที่เชื่อมรัฐบาล องค์กรภาคประชาสังคม และภาคเอกชนเข้าด้วยกัน เพื่อเสริมความสามารถในการระบุเหยื่อ สนับสนุนการดำเนินคดี และประสานความช่วยเหลือข้ามพรมแดน
“ด้วยการสนับสนุนพันธมิตรภาคประชาสังคมที่ทำงานแนวหน้า UNODC ช่วยให้ผู้รอดชีวิตได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที มีความตระหนักสาธารณะเพิ่มขึ้น และส่งสารป้องกันไปยังกลุ่มเสี่ยงก่อนที่การแสวงหาประโยชน์จะเกิดขึ้น” รีเบคก้า มิลเลอร์ ผู้ประสานงานภูมิภาคของ UNODC ด้านการค้ามนุษย์และการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน UNODC ROSEAP กล่าว “เมื่อความเห็นอกเห็นใจ ความร่วมมือ และความมุ่งมั่นมาบรรจบกัน ชีวิตคนก็จะได้รับการปกป้อง และวงจรการแสวงหาประโยชน์ก็จะถูกทำลายลงได้”
เดลฟีน ชานซ์ กล่าวสรุปว่า “ที่ UNODC เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะยุติการค้ามนุษย์และการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานทุกรูปแบบ และให้พื้นที่กับเสียงของผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด นั่นคือผู้รอดชีวิต”
เข้าร่วมแคมเปญ ติดกับดักอาชญากรรมหลอกลวง #Trapped in Scam Crime ของ UNODC เพื่อยุติการค้ามนุษย์เพื่อบังคับให้ก่ออาชญากรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แล้ววันนี้
